|
 |
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2016, 11:45:34 AM » |
|
กรมประมงเจ๋งเพาะโคพีพอดในบ่อดินได้แล้ว
การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ?อาหาร? ถือเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญมากปัจจัยหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับสัตว์น้ำวัยอ่อน ชนิดและขนาดของอาหารต้องมีความสัมพันธ์กับระยะการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำ ?แพลงตอน? ถือเป็นอาหารตามธรรมชาติขั้นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตต่างๆซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการถ่ายทอดพลังงานในห่วงโซ่อาหาร จัดเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่มีความสำคัญมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำกร่อยหรือน้ำทะเล โดยทั่วไปแพลงตอนจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ตามลักษณะการสังเคราะห์อาหาร ได้แก่ แพลงตอนพืช และแพลงตอนสัตว์ ซึ่งชนิดและปริมาณของแพลงตอนที่พบในแหล่งน้ำนอกจากจะเป็นตัวบ่งชี้ของความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำได้แล้วนั้น แพลงตอนยังมีประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพน้ำได้อีกด้วย เนื่องจากขณะที่แพลงตอนมีการสังเคราะห์แสง จะมีการปล่อยออกซิเจนมาละลายในน้ำและจะนำสารอินทรีย์ที่เป็นพิษต่อสัตว์น้ำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น แอมโมเนีย ไนไตรท์ หรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นต้น ดร.วิมล จันทรโรทัย อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำวัยอ่อนนอกจากการมีระบบการอนุบาลสัตว์น้ำที่ดีแล้ว การได้กินอาหารที่ดีก็จะส่งผลให้สัตว์น้ำมีอัตราการรอดเพิ่มมากขึ้น อาหารที่ดีของสัตว์น้ำขนาดเล็ก จะต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนเพียงพอกับความต้องการของสัตว์น้ำวัยอ่อน เพื่อที่จะพัฒนารูปร่างให้เป็นแบบเดียวกับพ่อแม่ ปัจจุบันทางกรมประมงสามารถเพาะเลี้ยงแพลงตอนชนิดที่เป็นพืชและสัตว์ได้หลากหลายชนิด อาทิ คลอเรลล่า คีโตเซอรอส สเกลีโตนีม่า โรติเฟอร์ อาร์ทีเมีย ฯลฯ เพื่อช่วยลดต้นทุนในเรื่องของอาหารและการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนให้กับเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ล่าสุดนี้ กรมประมง ได้มีการทดลองเพาะเลี้ยงโคพีพอดในบ่อดินได้สำเร็จอีกหนึ่งชนิด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง นายสุทธิชัย ฤทธิธรรม ผู้อำนวยการกองวิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กล่าวว่า โคพีพอด (Copepod) เป็นแพลงตอนสัตว์ที่พบในทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน นับเป็นห่วงโซ่อาหารสำคัญที่เชื่อมระหว่างแพลงตอนพืชกับสัตว์น้ำ โคพีพอดมีองค์ประกอบของสารอาหารสำคัญทางโภชนาการที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการรอดของสัตว์น้ำวัยอ่อน อาทิ โปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการอดของสัตว์น้ำวัยอ่อน อาทิ โปรตีนและกรดไขมันที่จำเป็นโดยเฉพาะ DHA EPA ฯลฯ ซึ่งสัตว์น้ำกร่อยหรือสัตว์ทะเลไม่สามารถผลิตกรดไขมันเหล่านี้ขึ้นเองได้ ดังนั้น การศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนเพื่อเพิ่มอัตรารอดให้มากที่สุดก็ย่อมส่งผลต่อปริมาณผลผลิตสัตว์น้ำอีกด้วย จากคุณประโยชน์ดังกล่าว โคพีพอดจึงถูกจัดเป็นอาหารมีชีวิตที่ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมักนำไปใช้ร่วมกับโรติเฟอร์และอาร์ทีเมีย ในการอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม อาทิ ปลานิล ปลากะพงขาว ปลากะรัง ปลาการ์ตูน เป็นต้น นางพิชญา ชัยนาค นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมในฐานะที่เป็นนักวิชาการผู้เพาะเลี้ยงโคพีพอดในบ่อดินว่า ลักษณะโดยทั่วไปของโคพีพอด ลำตัวจะมีรูปร่างยาวรี ลำตัวจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว อก และท้อง นับเป็นอาหารธรรมชาติขนาดเล็กที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้เป็นอาหารของสัตว์น้ำวัยอ่อน เนื่องจากโคพีพอดมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อพัฒนาการของสัตว์น้ำวัยอ่อนและสามารถย่อยได้ง่ายในระบบทางเดินอาหารของสัตว์น้ำวัยอ่อน ซึ่งมีการพัฒนาระบบการมองเห็นและระบบทางเดินอาหารยังไม่สมบูรณ์จึงเป็นข้อจำกัดในการจับกินและการย่อยอาหารในช่วงแรกหลังฟักออกจากไข่ ?ซึ่งในช่วงระยะเวลา 1-3 วันหลังจากที่สัตว์น้ำฟักตัวออกจากไข่ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่จะกำหนดให้เราทราบว่าสัตว์น้ำที่เราเพาะพันธุ์นั้นมีอัตราการรอดมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากสัตว์น้ำวัยอ่อนเริ่มรับอาหารจากภายนอกหลังจากถุงไข่แดงยุบในช่วงระยะเวลานี้ ซึ่งจากการทดลองวิจัยพบว่าโคพีพอดระยะตัวอ่อนมีขนาดเล็กกว่าโรติเฟอร์จึงเหมาะสมต่อการกินของสัตว์น้ำวัยอ่อนที่มีขนาดความกว้างของปากค่อนข้างเล็ก ช่วยเพิ่มการรอดตาย? นางพิชญา กล่าว สำหรับวิธีเพาะขยายพันธุ์โคพิพอด ทางศูนย์ได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมบ่อ ทำคอกใส่ปุ๋ย ทำโพงพางในบ่อดินเพื่อใช้สำหรับตักเก็บโคพิพอด ปรับปรุงดินพื้นบ่อด้วยการโรยปูนขาวให้ทั่วบ่อ ติดตั้งระบบให้อากาศและการหมุนเวียนน้ำภายในบ่อดิน โดยหลังเปิดน้ำเข้าบ่อ ให้ได้ระดับน้ำในบ่อลึกประมาณ 30-50 เซนติเมตร เพื่อกระตุ้นให้อาหารธรรมชาติมีเพิ่มมากขึ้น กำจัดศัตรูต่างๆของโคพีพอด เช่น ลูกกุ้ง ลูกปลา ด้วยการโรยกากชา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ทั่วบ่อ และแช่ทิ้งไว้ในบ่อดิน 3-5 วัน ในการเตรียมน้ำ น้ำที่ใช้เลี้ยงควรอยู่ในช่วงความเค็ม 15-30 ความเป็นกรด-ด่างระหว่าง 7-8 ปรับค่าความเป็นกรดด่างด้วยปูนขาว การเตรียมอาหารมีชีวิต จะทำแพลงตอนที่เป็นอาหารมีชีวิตให้กับโคพีพอดด้วยการใส่ปุ๋ยคอก เมื่อน้ำเริ่มมีสีเขียวเพิ่มมากขึ้นให้ชักน้ำเข้าบ่อมากขึ้นจนมีระดับลึกประมาณ 1.6-1.8 เมตร สีน้ำที่เหมาะสมต่อการเกิดแพลงตอนควรมีสีเขียวอมน้ำตาล สำหรับพ่อแม่พันธุ์ การลงพ่อแม่พันธุ์โคพีพอดระยะโคพีโพไดซ์-ตัวเต็มวัย การจัดการการผลิตโคพีพอดในบ่อดิน หลังจากเตรียมอาหารมีชีวิตเสร็จ ประมาณ 3-5 วัน นำพ่อแม่โคพีพอดลงเลี้ยง ประมาณ 3-4 สัปดาห์ จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้โดยเปิดใบพัดตีน้ำ โคพีพอดจะเข้าถุงโพงพาง จากนั้นเก็บโคพีพอดด้วยสวิง หลังจากเก็บเกี่ยวได้ 5-7 วัน โคพีพอดจะเริ่มลดลง จึงควรเติมอาหารที่ทำให้เกิดแพลงตอนลงไป เช่น ปุ๋ยคอก เศษปลาสด เป็นต้น โดยเติมอาหารลงไปจากเดิมครึ่งหนึ่งหรือปรับปริมาณจากการสังเกตปริมาณโคพีพอดในบ่อ โคพีพอดจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกภายใน 7-8 วัน นายธวัชชัย ศรีวีระชัย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับผลการวิจัยในขณะนี้ถือว่าน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทางศูนย์วิจัยฯสามารถผลิตโคพีพอดได้ประมาณเดือนละ 100-120 กิโลกรัม ราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 300 บาท และคาดว่าต่อไปอนาคตหากโคพีพอดจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยลดต้นทุนให้กับผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ สำหรับการต่อยอดการวิจัยโคพีพอดในบ่อดิน ทางศูนย์มีแผนที่จะพัฒนาเป็นการเลี้ยงโคพีพอดความหนาแน่นสูงในถังไฟเบอร์กลาสเพื่อให้ได้ปริมาณมากในพื้นที่จำกัด ง่ายต่อการดูแลและการควบคุมโรคที่ส่งผลต่อการเลี้ยงโคพีพอดและการใช้เป็นอาหารสัตว์น้ำวัยอ่อน ท่านใดสนใจ สอบถามรายละเอียดพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต โทร (076)621-821-2
ที่มา: ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ. (2559). กรมประมงเจ๋ง เพาะโคพีพอดในบ่อดินได้แล้ว. นิตยสารมติชนบท เทคโนโลยีชาวบ้าน, 28(620), 86-87.
|