เขียนบทความมาหลายเรื่อง แต่ไม่เคยเลยที่จะเขียนเรื่องเกี่ยวกับโรค ไม่ใช่ไม่มีข้อมูลหรือขาดความรู้เรื่องโรคหรอกครับ แต่อดีตยังจำฝังใจ ผมเคยเลี้ยงปลาหมอสีไว้หนึ่งตัว มันสวยงามน่ารัก และมันก็สามารถเป็นเสมือนเพื่อนเล่นได้ด้วย จนมาถึงวันที่ผมคาดไม่ถึง เมื่อเห็นมันดูซึม ๆ ไม่ค่อยกินอาหาร และต่อมาตาเริ่มปูด ชักจะแย่แล้วซิครับ ผมเริ่มใจไม่ค่อยดี ประสบการณ์เรื่องโรคก็ไม่มีเสียด้วย แล้วไม่กี่วันมันก็ตาย เสียใจครับบอกตรง ๆ ว่าเสียใจ นึกไม่ถึงว่าแค่ตามันปูดขึ้นมาเล่นเอาถึงตายเลยหรือ
นี่แหละครับสาเหตุที่เมื่อเขียนบทความแล้วผมไม่เคยเขียนเรื่องโรคเลย แต่ที่มาเขียนเรื่องนี้ได้ก็เพราะว่าอยากจะเอาความผิดพลาดจากการเลี้ยงปลาหมอสีของผมโดยเฉพาะเรื่อง การสังเกต การแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว เมื่อปลาที่เราเลี้ยงเริ่มมีอาการผิดปกติ มาบอกกล่าวกันฟังเพื่อที่จะไม่ทำให้ท่านที่เลี้ยงปลาหมอสีต้องเสียใจเหมือนกับผม เรามาดูเจ้ามฤตยูร้ายที่ทำให้ปลาหมอสีของผมต้องตาย ถ้าโรคนี้เกิดกับปลาของใคร อย่าชะล่าใจ เพราะคิดว่าแค่ปลาเจ็บตาเดี๋ยวก็หาย ต้องรีบแก้ไขรีบรักษาเลยครับ
โรคปลาตาโปน
โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่นเกิดจาก การติดเชื้อ เกิดจากการบาดเจ็บทางตา หรือ เกิดจากมีพยาธิเข้าไปอยู่หลังตา และที่สำคัญ อีกสาเหตุคือ คุณภาพของน้ำไม่ดี มีการเน่าเสีย คุณภาพของน้ำไม่เหมาะสมและจากทุกสาเหตุที่อาจเกิดขึ้น ทุกอย่างทุกองค์ประกอบ ล้วนเป็นสาเหตุได้ทั้งนั้น ถ้าเราไม่ใส่ใจดูแลปลาหมอสีตัวโปรด ของเราให้ดีเมื่อปลาหมอสีตัวโปรดของเราไม่สบาย จะต้องหาวิธีที่จะทำให้ปลาหมอสีตัวโปรดของตัวเองให้กลับมาแข็งแรงและร่าเริงเหมือนเดิม
ภาพจาก http://fishroom.org/webboard/
อาการของโรคตาโปน
ปลาจะซึมไม่ร่าเริงเหมือนเดิม ไม่ค่อยกินอาหาร นัยต์ตาของปลาหมอสีจะมองเห็นเป็นฝ้าสีขาวๆขุ่นๆ และเริ่มนูนออกมานิด ๆ และถ้าปล่อยไว้นานตาของปลาหมอสีจะนูนออกมาเยอะ มาถึงตอนนี้ ถ้ายังไม่รักษาแล้วยังปล่อยไว้อาจทำให้ปลาหมอสีของท่านตาบอดหรือตายได้นะครับ ตั้งแต่ที่ท่านสังเกตเห็นอาการนี้ควรแยก ปลาออกมาไว้ตัวเดียว ไม่ควรเลี้ยงปลารวมกับตัวอื่น เพราะอาจทำให้ปลาตัวอื่นติดเชื้อไปด้วยและควรล้างตู้ปลาให้สะอาดด้วยครับ
การป้องกันรักษา
ควรรักษาสภาพน้ำให้สะอาดอยู่เสมอ อาหารที่ใช้ควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพ อาหารสดเช่น กุ้งฝอย ควรล้างให้สะอาด้วยด่างทับทิม และน้ำเปล่าที่สะอาดครับ การรักษาจะรักษาคล้ายกันกับปลาหมอสีที่ป่วยเป็นโรค หัวเป็นรูครับ จะแตกต่างกันตรงที่ ตัวยาที่ใช้ในการรักษา โรคหัวเป็นรูจะใช้ยาเมโทรนิดาโซล (Meronidazole) เพียงอย่างเดียว สำหรับโรคปลาตาโปนตัวยาที่ใช้คือ ยาเมโทรนิดาโซล (Meronidazole) + เอม็อกซี่ (Amoxi) ยาทั้ง 2 ชนิดนี้หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปและนำยาทั้ง 2 ตัวมาบดให้ละเอียดเน้นต้องให้ละเอียดนะครับ นำมาละลายน้ำ 3-5 ซีซี
การรักษาสามารถรักษาได้ 2 วิธี
1. การให้กินยา
2. การแช่ด้วยยา
วิธีที่ 1 การให้กินยา
การให้กินยาก็แยกได้อีก 2 วิธี วิธีนี้ค่อนข้างได้ผลดี
1. การผสมยาให้เข้ากับอาหาร โดยการคลุกยาให้ผสมกับอาหาร และใช้น้ำผสมให้หมาด ๆ เพื่อให้ยาเคลือบที่ผิวของอาหาร แล้วปล่อยไว้ให้แห้ง แล้วให้อาหารปลาหมอสีตามปกติ จนปลาเริ่มมีอาการดีขึ้นดูได้จากตาของปลาที่เริ่มยุบ อัตราส่วนในการผสมยาเมโทรนิดาโซล (Meronidazole) 1 กรัม + เอม็อกซี่ (Amoxi) 1 กรัม +น้ำ 1 มิลลิลิตร / อาหาร 1 กรัม ในกรณีนี้ ปลาหมอสียังสามารถกินอาหารเองได้ครับ
2. การป้อนยา คือการนำตัวยาเข้าไปในตัวปลาโดยตรงเลยครับ วิธีนี้จะยุ่งยากนิดหน่อย อุปกรณ์ที่ใช้มี กระบอกเข็มฉีดยาขนาดเล็กและไม่มีเข็ม ไส้ไก่รถจักรยานยาวประมาณ 2-3 นิ้ว เพราะจะนุ่มไม่อันตรายต่อภายในตัวปลาแล้วนำมาผสมกับน้ำ ในอัตราส่วน ยาเมโทรนิดาโซล (Meronidazole) + เอม็อกซี่ (Amoxi) +น้ำ = 200 มิลกรัม + 250 มิลกรัม+5 ซีซี ขนาดปลา 3-5 นิ้ว ถ้าปลาตัวโตอาจเพิ่มปริมาณของยาขึ้นเป็น = 400 มิลกรัม+500 มิลกรัม+5 ซีซี ให้ตรวจสอบปริมาณของยาด้วยว่ามีกี่มิลลิกรัมต่อเม็ด หลังจากผสมยาแล้ว ให้ดูดเข้ากระบอกฉีดยาแล้วต่อใส้ไก่เข้ากับกระบอกฉีดยา แล้วสอดเข้าไปในปากของปลากะให้ถึงกระเพาะของปลา แล้วฉีดยาเข้าไปเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ แล้วรอดูอาการประมาณ 5-7 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นให้ทำซ้ำอีกจนกว่าปลาจะดีขึ้น และให้เปลี่ยนน้ำ 30 % ทุก 3 วัน
วิธีที่ 2 การแช่ด้วยยา
วิธีนี้ได้ผลช้าอัตราการใช้ยา ยา 25 มิลลิกรัมต่อน้ำ 1 ลิตร แช่จนกว่าอาการจะดีขึ้นและให้เปลี่ยนน้ำ 30 % ทุก ๆ 3 วันทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าอาการปลาจะดีขึ้นครับ
การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากมีลาภก็ต้องดูแลกันตั้งแต่เริ่มต้น น้ำ อาหาร ออกซิเจน วิธีการเลี้ยงที่เหมาะสม ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ดีครับ หรือถ้าเกิดปลาเป็นโรคขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องรีบรักษาตั้งแต่เริ่มแรก มีอาการปุ๊บก็ต้องดูแลปั๊บ อะไรประมาณนี้ คนเราก็เช่นกันครับไม่แตกต่างไปจากปลา สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ต้องเอาใจใส่ในเรื่อง 3 อ.ให้ได้คือ อาหาร ออกกำลังกาย อารมณ์ เพราะถ้าทำได้อย่างที่บอกแล้วรับรองว่าสุภาษิตที่ว่า “การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ” เป็นของคุณอย่างแน่นอนทำซิครับเพื่อคนที่คุณรักและตัวคุณเอง
เอกสารอ้างอิง : Fishzone-th.blogsport.com ,
www.ninekaow.com